วินฟาสต์ ติดอันดับ 100 บริษัทที่มีอิทธิพลสูงสุดของโลกโดยนิตยสารไทม์
ข่าวทั้งหมด : / วินฟาสต์ ติดอันดับ 100 บริษัทที่มีอิทธิพลสูงสุดของโลกโดยนิตยสารไทม์
วินฟาสต์ ติดอันดับ 100 บริษัทที่มีอิทธิพลสูงสุ
วินฟาสต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนาม มุ่งมั่นท้าชิงเป็นคู่แข่งกับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกทั้งหลาย ในวันนี้เกือบ 5 ปีผ่านมา วินฟาสต์ได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อ 100 บริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดประจำปี 2024 ของนิตยสารไทม์ ส่งผลให้วินฟาสต์เดินหน้าเข้ามาเทียบเคียงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Amazon และ TikTok ตลอดจนผู้นำด้านยานยนต์โลกอย่างบีเอ็มดับบลิว และโตโยต้า หรือแม้แต่สตาร์ทอัพด้าน AI ที่พลิกโฉมวงการอย่าง Open AI และ Anthropic
ภายในรายชื่อดังกล่าว นิตยสารไทม์ได้จัดวินฟาสต์ให้อยู่ในประเภท "Disruptor" ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของวินฟาสต์ในการสร้างอิมแพ็คให้กับตลาดรถยนต์ผ่านโมเดลทางธุรกิจที่เป็นนวัตกรรม และไม่เคยปรากฏมาก่อน นิตยสารไทม์ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของวินฟาสต์ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเรียกสิ่งนี้ว่า “An EV Splash”
การจัดอันดับรายชื่อ TIME100 ริเริ่มในปี 2564 เพื่อยกย่องบริษัท 100 อันดับแรกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เทคโนโลยีการดูแลสุขภาพ การขนส่ง และพลังงาน การได้รับเลือกให้อยู่ในรายชื่อดังกล่าวแสดงถึงความสำเร็จที่สำคัญอันโดดเด่นของบริษัทนั้น ๆ
กระบวนการคัดเลือกอันเข้มข้นของไทม์ ประกอบด้วยการรีวิวจากทีมบรรณาธิการ ความคิดเห็นจากสื่อมวลชนทั่วโลก และการปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลภายนอก บริษัทที่ได้รับเลือกต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่น อิมแพ็คที่มีต่อตลาด ความคิดสร้างสรรค์ ความมุ่งมั่น และบทพิสูจน์ความสำเร็จ
วินฟาสต์ได้รับการจัดให้อยู่ในประเภท "Disruptor" ซึ่งตามนิยามที่กำหนดโดยไทม์ หมายถึงบริษัทที่นำเสนอวิธีการหรือเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงในสายธุรกิจของตนอย่างมีนัยสำคัญ การได้รับคัดเลือกครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า วินฟาสต์ได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทที่สร้างอิมแพ็คให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์โดยการท้าทายโมเดลธุรกิจแบบเดิมๆ
Dr. Tran Dinh Thien วิเคราะห์เกี่ยวกับการที่วินฟาสต์ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน "Disruptor" ของนิตยสารไทม์ครั้งนี้ว่า เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในหลายระดับ ประการแรกคือ ถือเป็นความล้ำหน้าของบริษัทจากประเทศกำลังพัฒนาในการก้าวไปสู่เวทีระดับโลก ประการที่สองคือ แนวทางของวินฟาสต์ที่มุ่งเน้นไปที่ยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ และท้าทาย ก็ถือเป็นความล้ำหน้าด้วยตัวเองอยู่แล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ Thien ยังเน้นย้ำถึงความสำเร็จของวินฟาสต์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงด้วยการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม “ความกล้าหาญ และความเต็มใจที่จะรับมือกับความท้าทายคือสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความล้ำหน้าของวินฟาสต์อย่างแท้จริง ซึ่งไม่ใช่ทุกบริษัทจะกล้าทำแบบนี้”
เมื่อมองให้ไกลเกินกว่าความสำเร็จต่างๆ ที่วินฟาสต์ได้รับ Thien เชื่อว่าเส้นทางธุรกิจของวินฟาสต์จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับโลก “เรื่องราวของวินฟาสต์จะช่วยส่งเสริมและผลักดันให้เกิดวิสัยทัศน์ทางธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ การที่วินฟาสต์มีต้นกำเนิดในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเวียดนามจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจจากประเทศเศรษฐกิจใหม่มีความโดดเด่นยิ่งขึ้นในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงในปัจจุบัน”
ในเวลาเพียง 5 ปีนับตั้งแต่การเปิดโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไฮฟองอย่างเป็นทางการ วินฟาสต์ได้เดินหน้าสู่ตลาดโลกหลังจากเปลี่ยนสายการผลิตมาเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนๆ “วินฟาสต์เกิดขึ้นจาก Pham Nhat Vuong บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของเวียดนาม ผู้ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลจากธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และเป็นเจ้าของอาณาจักรวินกรุ๊ป ที่มีธุรกิจมากมาย ตั้งแต่โรงแรมไปจนถึงโรงพยาบาล ปัจจุบัน วินฟาสต์กำลังเตรียมเปิดโรงงานในนอร์ธแคโรไลนา สหรัฐฯ อินโดนีเซีย และอินเดีย อีกด้วย”