ไขข้อสงสัย! เพราะอะไร Aventador จึงเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์ที่น่าจับตามาตลอด 10 ปี พร้อมทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Aventador รหัสสุดท้ายของ Lamborghini
ข่าวทั้งหมด : / ไขข้อสงสัย! เพราะอะไร Aventador จึงเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์ที่น่าจับตามาตลอด 10 ปี พร้อมทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Aventador รหัสสุดท้ายของ Lamborghini
อะไรคือความลับที่ส่งให้ซูเปอร์สปอร์ตคาร์อย่าง Aventador กลายเป็นไอคอนนิคความแรงที่เป็นกระแสชั่วพริบตา
ทั้งยังสร้างปรากฏการณ์น่าจดจำให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา วันนี้ Lamborghini
พามาย้อนดูหน้าประวัติศาสตร์ของ Aventador กับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์
V12 รุ่นนี้
1. อะเวนทาดอร์เปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับแบรนด์ลัมโบร์กินีได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ด้วยยอดขายกว่า 10,000 คันในเวลาเพียง 9 ปี โดย Aventador ใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็มียอดจองมากกว่าจำนวนรถยนต์ V12 ที่ลัมโบร์กินีเคยผลิตรวมกันทั้งหมดเสียอีก
และนี่คือ Aventador คันไฮไลต์ในรอบทศวรรษที่คุณไม่ควรพลาด
·
ในปี
2011 Aventador LP 700-4 ถือกำเนิดขึ้น
ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างโครงสร้างตัวถังแบบโมโนค๊อกที่ผลิตขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด
เครื่องยนต์ V12 เจเนเรชั่นใหม่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับอะเวนทาดอร์โดยเฉพาะด้วยกำลัง
700 แรงม้า และคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญอย่างประตูแบบเปิดปีกนก
·
ในปี
2012 ลัมโบร์กินีได้เปิดตัว Aventador
Roadster ซึ่งเป็นอะเวนทาดอร์เปิดประทุนรุ่นแรก โดยที่หลังคารถแต่ละฝั่งถูกออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาน้อยกว่า
6 กก. ด้วยการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อการถอดเข้าออกที่สะดวก
และในปีเดียวกันนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำความโดดเด่นของอะเวนทาดอร์ ลัมโบร์กินีได้รังสรรค์อะเวนทาดอร์รุ่นพิเศษอย่าง
Aventador J อะเวนทาดอร์ที่ถูกผลิตมาคันเดียวในโลก ถูกออกแบบตกแต่งภายนอกและภายในให้เข้ากัน
โดยเน้นให้เห็นถึงเทคโนโลยีคาร์บอนไฟเบอร์ที่ลัมโบร์กินีเชี่ยวชาญ และสามารถทำความเร็วได้มากกว่า
300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกได้ว่ารวมความเป็นที่สุดแห่งประสบการณ์ไว้ในรถคันนี้
·
ปี
2016 Aventador Miura Homage ซีรีส์พิเศษที่ผลิตเพื่อเป็นเกียรติให้กับซูเปอร์สปอร์ตคาร์ในตำนานอย่าง Miura
ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี โดยสะท้อนจิตวิญญาณของ
Miura ต้นแบบ ทั้งในแง่สีสันและฟีเจอร์ไว้อย่างครบครัน
ผลิตจำกัดเพียง 50 คันเท่านั้น ในปีเดียวกันนี้
ลัมโบร์กินีได้ทำการปรับโฉมให้กับอะเวนทาดอร์ โดยใช้ชื่อ Aventador S
ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ สมรรถนะการขับขี่ และความสะดวกสบายในการใช้งานทุกวัน
·
ปี
2018 Aventador SVJ กับตำแหน่งราชันแห่ง
Nürburgring - ถือเป็นสถิติใหม่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ SVJ
ในฐานะรถยนต์แบบโปรดักชั่นที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดในสนามแข่งระดับโลกด้วยเวลาเพียง
6:44.97 นาที โดยผลิตออกมาเพียง 900
คัน ขณะที่สเปเชี่ยล อิดิชั่น อย่าง SVJ 63 ผลิตจำกัดเพียง
63 คันเท่านั้น เพื่อระลึกถึงการก่อตั้ง Lamborghini ในปี 1963 นั่นเอง โดยทั้ง 2
รุ่น ถูกออกแบบให้ใช้หลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูงอย่าง ระบบ ALA ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรโดย Lamborghini
อีกด้วย
· ปี 2019 Aventador S by Skyler Grey ถือเป็น one-off ที่สร้างสีสันให้กับงาน Monterey Car Week เลยก็ว่าได้ ผลงานคอลลาบอเรชั่นกับศิลปินดาวรุ่ง Skyler Grey ที่หลอมรวมศิลปะแห่งโลกยนตรกรรมและศิลปะแนวสตรีทอาร์ต ภายใต้คอนเซปต์ "splash-effect" ไว้ได้อย่างมีสไตล์ ที่สำคัญยังเป็น Lamborghini คันแรกที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการรับรองและปกป้องในฐานะงานศิลปะอีกด้วย
2. Lamborghini
Aventador กลายเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์อันยอดเยี่ยมในโลกแห่งจินตนาการ
จะเห็นได้ว่าเป็นรถที่มาพร้อมกับฮีโร่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในภาพยนตร์ฮอลลีวูด รถเครื่องยนต์
V12 นี้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ที่สร้างประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ระดับโลกหลากหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งคู่หูของอัศวินรัตติกาล อย่าง Aventador ที่เป็น BatMobile ให้กับ Bruce Wayne ในภาพยนตร์ "The
Dark Knight Rises" (2012) โดยรถที่นำมาเข้าฉากคือ Aventador
LP 700-4 ที่มาพร้อมป้ายทะเบียนเมืองสุดเท่ห์อย่าง “Gotham
- 649 8227" อีกด้วย
3. Aventador ถือเป็นซูเปอร์สปอร์ตคาร์คันแรกของ Lamborghini
ที่ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจด้วยโหมดการขับขี่ที่สามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ
มีให้เลือกถึง 4 แบบ - STRADA, SPORT, CORSA และ EGO ซึ่งในโหมด EGO นี้เองที่ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าโปรไฟล์ต่าง
ๆ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การขับขี่ ณ ขณะนั้นมากที่สุด อาทิ ระบบส่งกำลัง
(เครื่องยนต์, 4WD), การบังคับเลี้ยว และชุดควบคุมระบบช่วงล่าง Magneride adaptive ที่สามารถปรับระดับตามโหมดการขับขี่ในทุกสถานการณ์
4. แม้จะเดินทางมาถึงรหัสสุดท้ายของ Aventador แต่เชื่อเถอะว่า Aventador LP 780-4 Ultimae (แอลพี 780-4 อูลติเม)
คือ Aventador ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์การผลิตรถของ Lamborghini
โดยคอนเซปต์หลักของรุ่นนี้คือการหลอมรวมสุดยอดสมรรถนะของ Aventador
SVJ กับสไตล์ที่สง่างามเหนือกาลเวลาของ Aventador S ไว้ในหนึ่งเดียว
สเตฟาน
วิงเคิลแมน ประธานบริหาร Automobili Lamborghini
ได้กล่าวไว้ว่า “Aventador LP 780-4 Ultimae
เป็นตัวแทนของความสำเร็จสำหรับเครื่องยนต์ V12 ของ Lamborghini ตัวรถสามารถส่งต่อประสบการณ์การขับขี่สูงสุดและตอบโจทย์ในการเป็นตัวแทนส่งท้ายของรุ่นทั้งในเรื่องของสมรรถนะและดีไซน์อันเป็นตำนาน
Aventador นั้นถูกออกแบบมาให้เป็นรถที่จะเป็นตำนานไว้อยู่แล้วตั้งแต่เปิดตัว
และ Aventador LP 780-4 คือการส่งต่อตำนานที่เหมาะสมที่สุด”
พละกำลังและสมรรถนะ
Aventador
LP 780-4 Ultimae มาพร้อมกับเครื่องยนต์
V12 6.5 ลิตร สร้างพละกำลังสูงสุด 780 แรงม้า
โดยเพิ่มขึ้นมากถึง 40 แรงม้าเมื่อเทียบกับ Aventador
S และ 10 แรงม้าเมื่อเทียบกับ SVJ จุดเด่นของ Ultimae คือการรวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดจากการพัฒนากว่า
10 ปี ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่ได้รับจากการทำสถิติในสนามอย่าง
Nürburgring-Nordschleife บน SVJ ในเดือนกรกฎาคม
ปี
2018 ระบบการขับขี่ที่ก้าวหน้าและเพิ่มความสะดวกสบายใน Aventador S หรือความดิบของตัวรถที่มีมาตั้งแต่
Aventador โฉมแรก
Aventador LP 780-4 ใช้ตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดน้ำหนักตัวถัง
ช่วยให้ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,550 กก. ในตัวถังคูเป้นั้นจะมีน้ำหนักเบากว่า 25 กก. เมื่อเทียบกับ Aventador
S ส่งผลให้แรงม้าต่อน้ำหนักเทียบเท่ากับ SVJ ที่
1.98 กก./แรงม้า ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง
2.8 วินาทีในรุ่น coupés และ
2.9 วินาทีในรุ่น roadster และความเร็วสูงสุดที่ 355 กม./ชม. ในด้านของสมรรถนะการหยุดรถนั้น
ระบบเบรคเซรามิคสามารถหยุดรถจากความเร็ว 100 กม./ชม. จนหยุดนิ่งในระยะเพียง 30 เมตร
ในด้านของสมรรถนะการขับขี่มาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ เช่น
ระบบเลี้ยวสี่ล้อที่ถูกติดตั้งครั้งแรกบน Aventador S
ช่วยเพิ่มความคล่องตัวทั้งในย่านความเร็วต่ำและความมั่นใจในย่านความเร็วสูง ระบบพวงมาลัยแปรผัน
Lamborghini
Dynamic Steering (LDS) เพื่อคำนวณน้ำหนักพวงมาลัยในการตอบสนองให้ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ถึงพื้นถนนและบังคับเลี้ยวได้อย่างมั่นใจ
ดีไซน์ของ LP 780-4 Ultimae บริเวณกันชนด้านหน้าออกแบบมาใหม่ เพื่อสร้างแรงกดบริเวณหน้ารถและมีความเพรียวลมเหมือนกับด้านหน้าของ
SVJ ระบบควบคุมการทรงตัวถูกปรับจูนให้ตอบสนองได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
เพื่อคำนวณแรงยึดเกาะของรถที่มีต่อถนนอย่างละเอียด โดยทำงานควบคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่เน้นการถ่ายกำลังไปที่ล้อหลัง
เพื่อการขับขี่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น ระบบต่างๆ ถูกควบคุมด้วยสมองส่วนกลางอย่างระบบ
Lamborghini Dinamica Veicolo Attiva (LDVA) ที่จะประมวลผลตลอดเวลาผ่านข้อมูลจากเซ็นเซอร์รอบคัน
เพื่อตอบสนองอย่างฉับไวและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้ขีดจำกัด
การออกแบบส่วนต่างๆของ LP
780-4 ส่งผลให้หลักอากาศพลศาสตร์ของรถมีความสมดุลอย่างมาก ด้วยรูปแบบกันชนด้านหน้าที่ออกแบบให้รับลมได้มากยิ่งขึ้นเพื่อระบายความร้อนเครื่องยนต์และหม้อน้ำ
สอดรับกับกันชนคาร์บอนน้ำหนักเบาด้านหลังช่วยให้รถมีความดุดันและให้อารมณ์มอเตอร์สปอร์ตเช่นเดียวกับในรุ่น
SVJ
สปอยเลอร์ด้านท้ายสามารถปรับได้สามระดับ – ปิด ‘สมรรถนะทางตรงสูงสุด’
และ ‘สมรรถนะทางโค้งสูงสุด’ - โดยการปรับจะขึ้นอยู่กับโหมดการขับขี่และความเร็วของรถเพื่อช่วยให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
ระบบส่งกำลังนั้นเป็นแบบ Independent Shifting Rod (ISR) 7 จังหวะที่ช่วยลดน้ำหนักตัวรถให้เบาและเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วเพียงแค่
0.05 วินาทีเท่านั้น
Aventador
LP 780-4 Ultimae มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 4 โหมด – STRADA SPORT CORSA EGO ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของระบบช่วงล่าง
เครื่องยนต์ เกียร์ น้ำหนักพวงมาลัย และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
ผลงานชิ้นเอกชิ้นสุดท้าย –
Ultimae
Aventador
LP 780-4 Ultimae ถูกสร้างมาเพื่อตอกย้ำเส้นสายงานดีไซน์ที่ล้ำลึกและหรูหรา
ทั้งยังมาพร้อมเครื่องยนต์ V12 อันเลื่องชื่อในตำนาน งานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจาก
SVJ และ S เสริมสร้างให้เกิดความสมดุลระหว่างสมรรถนะและความเรียบหรู
ในด้านของการตกแต่งตัวรถนั้นได้มีการเพิ่มสีภายนอกและภายในให้สำหรับเจ้าของรถ
Ultimae โดยเฉพาะ เมื่อร่วมกับเส้นสายของตัวรถที่โดดเด่นของ
Ultimae จึงทำให้ตำนานบทใหม่นี้จะคงอยู่เหมือนกับรุ่นก่อนๆ อย่าง
Countach Diablo และ Murciélago คอลเลคชั่นสีใหม่นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินที่มีสีมาตรฐานมากถึง
18 สีและสามารถเลือกได้สูงสุดถึง 300
กว่าสีสำหรับคอลเลคชั่นของ Ad Personam จึงทำให้เจ้าของรถ Ultimae
ทุกคนสามารถสร้างรถในแบบของตัวเองได้ในทุกสไตล์
Aventador LP 780-4 Ultimae คูเป้เปิดตัวในสีเทาทูโทนตัดกับสีแดง Rosso Mimir บริเวณกันชนหน้าและบริเวณครีบด้านหลังของดิฟฟิวเซอร์
สำหรับในรุ่น Aventador LP 780-4 Ultimae โรดสเตอร์ สามารถเลือกหลังคาแบบคาร์บอนไฟเบอร์เป็นออพชั่นได้
สีด้านภายนอกอย่าง
Grigio Acheso และ Grigio Teca ถ่ายทอดความหรูหราแต่ยังคงไว้ซึ่งความสปอร์ตรับกับสีภายในด้วยหนังดำตัดกับวัสดุอัลคันทาร่าพร้อมเดินด้ายสีเทา
จุดเด่นของ Ultimae บริเวณภายในจะเป็นลายอักษรตัว ‘Y’
ที่ทำการเลเซอร์คัตลงไปบริเวณตัวเบาะและแผงแดชบอร์ด
ช่วยเพิ่มมิติภายในรถให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น ตัวเบาะของ Ultimae จะเป็นเบาะปรับไฟฟ้าที่มาพร้อมคำว่า ‘Ultimae’ บริเวณปีกเบาะ
ในขณะที่บริเวณเสาเอตัวรถจะมีการติดตั้งเพลทระบุตัวเลขจำนวนจำกัดของรถ 001 จาก 350/250 โดยขึ้นอยู่กับรูปแบบตัวถังของรถ โดย Aventador LP 780-4 Ultimae coupé ผลิตจำกัดเพียง 350 คัน ขณะที่ Aventador LP 780-4 Ultimae Roadster ผลิตจำกัดเพียง 250 คันเท่านั้น
เจ้าของรถสามารถเลือกสีภายในได้สามสีเป็นมาตรฐาน
เช่น สีเงิน สีบรอนซ์ สีขาว และยังมีสีอื่นๆ อีกมากมายในโปรแกรม Ad Personam ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ภายนอกและภายในจะมาเป็นมาตรฐาน
โดยด้านนอกจะมาเป็นแบบด้านเพื่อให้รับกับสีด้านของรถ
ล้อ Dianthus 20” และ 21” forged สีเงินเป็นล้อมาตรฐานที่มากับตัวรถและเจ้าของรถสามารถเปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนเป็นลายอื่นๆ
เช่น Leiron และ Nireo เป็นสีบรอนซ์ ดำ
ไทเทเนียม และสามารถเลือกยาง Pirelli PZero Corsa ได้อีกด้วย
ภายนอกของตัวรถยังสามารถตกแต่งให้โดดเด่นได้ด้วยลายเส้นตัดกับสีตัวรถ เช่น สีขาว
สีเงิน สีบรอนซ์ และสีคาลิปเปอร์เบรกที่มาตรฐานจะมาเป็นสีเงิน
และมีทางเลือกสีอื่นอีกมากเพื่อเสริมความดุดันของล้อแบบ centerlock
Aventador LP 780-4 Ultimae Roadster
เปิดตัวในสีตัวถังใหม่อย่าง Blu Tawaret และ
Blu Nethuns พร้อมหลังคาแบบคาร์บอนเงา
ภายในห้องโดยสารของ Ultimae นั้นครบครันด้วยจอ TFT ที่มีรายละเอียดการขับขี่ครบถ้วนและสามารถควบคุมระบบต่างๆของรถได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยพร้อมระบบ
Apple CarPlay เป็นมาตรฐาน มากไปกว่านั้นเจ้าของรถยังสามารถเลือกใส่ออพชั่นอย่าง
Lamborghini telemetry ที่ช่วยให้การวิเคราะห์การขับขี่เมื่อลงสนามเป็นเรื่องง่ายอีกด้วย
สำหรับราคาเริ่มต้น Aventador LP 780-4 Ultimae
coupé อยู่ที่ 42,500,000 บาท
และราคาเริ่มต้นของ Aventador LP 780-4 Ultimae
Roadster อยู่ที่ 45,900,000 บาท
ร่วมสัมผัสความหรูหราโฉบเฉี่ยวของซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ได้ที่ “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ถนนวิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111
อมร วรมาลี / amornthaitelegraph@gmail.com
ขอขอบคุณ : ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ
แสดงความคิดเห็น
คำค้นหาทั่วไป
กีฬาแต้มเท่าผีไฮไลท์ พรีเมียร์ลีกพรีเมียร์ลีกแมนเชสเตอร์ เอฟเวอร์ตันบาร์เซโลน่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษอังกฤษพรีเมียร์ลีกคูตี้ชูมาเน่น้องเมยโดนซ้อมแฉ “น้องเมย”เตรียมทหารนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ มารีญาพันชีวิตสุดมันส์ วิ่งนักวิ่งไทย-เทศสิงห์เติมจี๊ด!ร่วมวิ่งแอดเวนเจอร์ ข่าวกีฬาย้อนหลังรอบโลกกีฬาก้าวสู่ปีที่ 7สุโขทัยมาราธอน 2017′วิ่งเพื่อมรดกโลกศึกวอลเลย์บอลปลื้มจิตร์-นุศราโตโยต้ามอเตอร์สปอร์ตกีฬาโปรอาร์มธงชัย ใจดี โชคชัยจีทีเอ็มมอเตอร์สปอร์ตไทยToyota Motorsportสายสปีดโคราชพิสูจน์ความเร็วซิ่งกระกาย สุดมันส์กลางเชียงใหม่Super Car GTMโตโยต้า ทีมไทยแลนด์เรซที่ 3 Division 1รถยนต์โตโยต้า86ศึก RAATศึกซูเปอร์ ซีรี่ส์ 2017ซูเปอร์คาร์จีทีเอ็มสนามช้างไทยแลนด์ เรซซิ่งนักบิดมวยไชยาฟุตบอลเอเอฟซี คัพ 2017ถ่ายทอดสดฟุตบอลผลบอลสดเอเอฟซี ชิงชนะเลิศฟุตบอลสถิติเมืองทองบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเจลีกคู่แข่ง ACLเจลีกคัพข่าวกีฬา พรีเมียร์ลีก อังกฤษข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนกีฬาที่น่าสนใจ